รวม PC Controllers จอยเล่นเกมที่ดีที่สุดในปี 2025

ถ้าใครเป็นสายเกมเมอร์ฝั่ง PC แล้วอยากหา “จอยเล่นเกมดีๆ” ไว้เพิ่มความสนุก บอกเลยว่าปี 2025 มีตัวเลือกน่าสนใจเพียบ ไม่ว่าจะเป็นจอยไร้สายที่เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน จอยรุ่นท็อปที่ให้ฟีเจอร์แบบจัดเต็ม หรือแม้แต่จอยราคาย่อมเยาที่คุณภาพเกินราคา ก็มีให้เลือกตามงบและสไตล์การเล่นของแต่ละคน

บทความนี้เรารวมลิสต์ PC Controllers ที่ดีที่สุดในปี 2025 มาให้แล้วแบบครบๆ ทั้งรุ่นฮิต รุ่นใหม่ ไปจนถึงจอยที่กำลังมาแรงในกลุ่มนักเล่นเกม ใครกำลังจะซื้อใหม่หรืออยากเปลี่ยนจากคีย์บอร์ดเมาส์มาใช้จอยในการเล่นเกมบางเกม ลองไล่ดูแต่ละตัวได้เลย รับรองว่ามีรุ่นที่ใช่สำหรับคุณแน่นอน

จอยเล่นเกมแนะนำในปี 2025

PC Controllers จอยเล่นเกมที่ดีที่สุด

Xbox Wireless Controller

^{น้ำหนัก : 281 กรัม การเชื่อมต่อ : Xbox Wireless, Bluetooth, USB Type-C แบบมีสาย แบตเตอรี่ AA 2 ก้อน}

จอยเล่นเกมที่ดีที่สุดไว้สำหรับเล่นเกมบน PC ที่มีความทนทาน ใช้งานง่าย และอยู่ในราคาที่เหมาะสมก็คือรุ่น Xbox Wireless Controller คือทางเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด รุ่นใหม่นี้เปิดตัวพร้อมกับ Xbox Series X/S ยังคงรูปทรงที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เหมือนรุ่น Xbox One ก่อน พร้อมปรับเปลี่ยนวัสดุพื้นผิวด้วยยางกันลื่นเพื่อการจับที่กระชับและใช้งานได้ยาวนานโดยไม่เมื่อยมือ

ฟีเจอร์ที่โดดเด่น ได้แก่ ปุ่ม D-Pad ที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความแม่นยำสูง ซึ่งเหมาะมากกับเกมประเภท Fighting หรือแพลตฟอร์มเมอร์ อีกทั้งยังมีปุ่ม Share ที่เพิ่มเข้ามาตรงกลางตัวจอย ช่วยให้ผู้เล่นสามารถบันทึกภาพหน้าจอหรือวิดีโอเกมเพลย์ได้ง่ายขึ้น แม้ฟังก์ชันนี้อาจไม่จำเป็นนักสำหรับเกมเมอร์สาย PC แต่ก็เป็นกิมมิคที่หลายคนชอบ นอกจากนี้ยังรองรับทั้งระบบ Bluetooth และไร้สาย Xbox Wireless ซึ่งช่วยให้การเชื่อมต่อรวดเร็วและเสถียร

แม้ว่าบางคนอาจต้องซื้อ Adapter แยกหากไม่มี Bluetooth บนพีซี แต่โดยรวมแล้ว Xbox Wireless Controller ก็ถือเป็นจอย Xbox สำหรับเกม PC ที่คุ้มค่าที่สุด ทั้งในด้านคุณภาพงานประกอบ ความแม่นยำของปุ่มควบคุม และราคาที่เป็นมิตร เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่กำลังมองหาจอยมาเล่นบนคอม หรือเลือกใช้รุ่น Elite ที่ราคาสูงกว่าหลายเท่า

เหตุผลที่ควรซื้อ

• เกมส่วนใหญ่รองรับ
• นั่งสบายมาก

เหตุผลเหตุผลที่ควรคิดก่อนซื้อ

• ไม่สามารถชาร์จไฟได้

เว็บที่วางจำหน่าย : JIB, BaNaNa

---

GameSir Nova Lite Wireless Controller

^{น้ำหนัก : 309 กรัม การเชื่อมต่อ : Bluetooth, 2.4 GHz, USB Type-C แบบมีสาย แบตเตอรี่ : ชาร์จแบตได้ในตัว (ใช้งานต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง)}

ถ้าใครกำลังมองหาจอยเกมสำหรับเล่นบนพีซีในงบจำกัด GameSir Nova Lite คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดตอนนี้เลยก็ว่าได้ ไม่ใช่แค่เพราะราคาถูกอย่างเดียว แต่ยังมาพร้อมฟีเจอร์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ ในจอยรุ่นเดียว ช่วงราคานี้มักจะแลกมาด้วยคุณภาพที่ต้องลุ้นเอา แต่ Nova Lite กลับใส่ของดีมาแบบจัดเต็ม

อย่างแรกที่ต้องพูดถึงคือ แท่งอนาล็อกแบบ Hall Effect ที่ช่วยลดปัญหา “ดริฟต์” ได้ในระยะยาว นอกจากนี้ยังมาพร้อมดองเกิลไร้สาย 2.4 GHz ที่ตอบสนองไวกว่า Bluetooth แบบปกติ (แต่ก็รองรับ BT ด้วยนะ) พอร์ต USB-C ก็มีมาให้ใช้แบบเสียบสาย และที่เจ๋งกว่านั้นคือเฟิร์มแวร์ที่รองรับได้หลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น PC, Steam Deck, Nintendo Switch, iOS หรือ Android เรียกว่าครบในตัวเดียว แถมอยู่ในราคาที่น่ารักสุดๆ

แน่นอนว่าในราคานี้ก็ต้องมีตัดฟีเจอร์บางอย่างออก เช่น ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. หรือปุ่มเสริมอื่นๆ ปุ่ม shoulder buttons ก็เล็กหน่อย และ d-pad ก็ไม่ได้เนี้ยบเท่าของ Xbox Wireless Controller ตัวจอยหนักประมาณ 300 กรัม ไม่ถึงกับเบามือ และวัสดุก็ไม่ได้แน่นหนาเท่าพวกจอย DualSense ของ Sony ที่น่าเสียดายคือน้ำแบตชาร์จได้แค่ประมาณ 10 ชั่วโมง ซึ่งพอ ๆ กับ DualSense แต่สู้ Xbox Elite Series 2 ไม่ได้เลย

แต่พอมองที่ราคาก็ต้องบอกว่า “ให้อภัยได้หมด” เพราะหาจอยที่ฟีเจอร์ครบ ใช้งานได้ครบเครื่อง แถมราคาเป็นมิตรแบบนี้ยาก GameSir Nova Lite คือจอยที่เหมาะกับคนที่อยากได้ความคุ้ม ไม่เน้นลูกเล่นเยอะ แต่ขอแค่ใช้งานดีในทุกวันที่เล่นเกมก็พอแล้ว

เหตุผลที่ควรซื้อ

• ราคาประหยัด
• การเชื่อมต่อดีมาก
• น้ำหนักกำลังดี

เหตุผลเหตุผลที่ควรคิดก่อนซื้อ

• ไม่แข็งแรงมาก
• แบตเตอรี่ก็โอเค
• ไม่มีแจ็คเสียงในตัว

เว็บที่วางจำหน่าย : AliExpress

---

Xbox Elite Wireless Controller Series 2

^{น้ำหนัก : 345 กรัม การเชื่อมต่อ : Bluetooth, 2.4 GHz, USB Type-C แบบมีสาย แบตเตอรี่ : ชาร์จแบตได้ในตัว (ใช้งานต่อเนื่อง 40 ชั่วโมง)}

ถ้าให้เลือกจอยพรีเมียมที่สุดสำหรับ PC ตอนนี้ Microsoft Elite Series 2 กินขาดแบบไม่ต้องคิดเยอะ ขอแค่ลองใช้สัก 10 นาทีแล้วจะเข้าใจว่าทำไมถึงราคาแรง เพราะทุกอย่างในจอยตัวนี้มัน “หรูหราหมาเห่า” ตั้งแต่สัมผัสแรก ความสามารถในการปรับแต่งได้เกือบทุกจุด ตั้งแต่ d-pad, paddle ด้านหลัง ไปจนถึงความหนืดของแท่งอนาล็อก ใครชอบปรับให้เข้ามือ จอยนี้คือสวรรค์ชัด ๆ

เมื่อเทียบกับรุ่นแรก รุ่น Series 2 มาพร้อมของใหม่เพียบ ไม่ว่าจะเป็นกล่องใส่ที่เอาไว้ชาร์จได้ด้วย เป็นพอร์ต USB-C พร้อมแบตในตัวที่ใช้ได้นานถึง 40 ชั่วโมง อุปกรณ์ในกล่องก็ให้มาเยอะมาก ทั้งหัวอนาล็อก 6 แบบ d-pad 2 แบบ paddle ด้านหลัง 4 ชิ้น และเครื่องมือสำหรับปรับความตึงของแท่งอนาล็อก ที่สำคัญคือรองรับ Bluetooth แล้ว ทำให้เชื่อมกับมือถือหรือเล่น Xbox Cloud ได้ง่ายขึ้น เพิ่มความยืดหยุ่นอีกระดับ

ข้อเสียก็มีอยู่บ้าง เช่น น้ำหนักที่มากกว่าจอย Xbox ทั่วไปเล็กน้อย (ต้องใช้เวลาปรับตัว) หรือ d-pad ที่รูปร่างแปลกไปหน่อย ต้องฝึกใหม่ถ้าคุ้นกับแบบเดิม และบางคนอาจเจอปัญหาปุ่ม bumper เสียเร็ว แต่ก็แก้ไขได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องราคานั้น…พูดตรง ๆ เลยว่ามันโหด แต่ถ้าคุณคือเกมเมอร์สายจริงจังที่ต้องการความแม่น ความไว และการควบคุมขั้นสุดแบบจัดเต็ม Elite Series 2 คือของที่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์

เหตุผลที่ควรซื้อ

• สามารถปรับแต่งได้หลากหลาย
• แท่นชาร์จแบบถอดออกได้ผ่าน USB-C 
• รองรับบลูทูธ

เหตุผลเหตุผลที่ควรคิดก่อนซื้อ

• หนังมากเมื่อเทียบกับจอยปกติ
• ราคาสูง

เว็บที่วางจำหน่าย : Central

---

Scuf Instinct Pro

^{น้ำหนัก : 280 กรัม การเชื่อมต่อ : Xbox Wireless, Bluetooth, 2.4 GHz, USB Type-C แบบมีสาย แบตเตอรี่ : แบตเตอรี่ AA 2 ก้อน}

ถ้าพูดถึงจอยเกมระดับพรีเมียมที่ไม่ใช่ของ Sony หรือ Microsoft แล้วล่ะก็ Scuf Instinct Pro คือหนึ่งในตัวท็อปที่สายเกมต้องเหลียวมอง เพราะนี่คือจอยที่ “ปรับได้แทบทุกอย่าง” ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา หรือส่วนประกอบต่างๆ ตั้งแต่หน้าเพจร้านเลย คุณสามารถเลือกเฟรม ปลอกรอบแท่งอนาล็อก ความยาวแท่งอนาล็อก

ยังไม่พอ! คุณยังเลือกได้อีกว่าปุ่มต่างๆ จะหน้าตาแบบไหน d-pad จะเป็นทรงไหน และปุ่มทริกเกอร์จะออกแบบยังไง ไปจนถึงถอดมอเตอร์สั่นออกเพื่อไม่ให้มือสั่นรบกวนตอนใช้งาน ซึ่งสายโปรหลายคนก็ชอบแนวนี้ แต่ทั้งหมดนี้ก็มีราคาที่ต้องจ่าย เพราะถ้าปรับเต็มสตรีม ราคาจอยอาจพุ่งไปพอสมควร

ดีไซน์โดยรวมของ Instinct Pro จะคล้ายกับจอย Xbox Series X/S มาก แต่ก็มีความพรีเมียมในรายละเอียดทั้งวัสดุ ความแน่นหนา ปุ่มที่ “กด” ให้ความรู้สึกสนุกมือ แท่งอนาล็อกก็ลื่นและแม่นยำ จะเล่นเกมเร็วหรือชิล ๆ ก็เอาอยู่ ทริกเกอร์ถึงจะลึกไม่เท่า Elite แต่ก็ตอบสนองได้ดีมาก ส่วนโหมด hair-trigger บางคนอาจว่าตื้นไปหน่อย ส่วนที่ต่างจาก Elite อีกอย่างคือมันใช้ถ่าน AA ไม่ใช่แบตชาร์จในตัว ซึ่งบางคนชอบเพราะเปลี่ยนถ่านกลางทัวร์นาเมนต์ได้เลย ไม่ต้องรอชาร์จ

เหตุผลที่ควรซื้อ

• ตัวเลือกได้ในการปรับแต่งได้หลายแบบ
• รู้สึกมั่นคงและมั่นใจเมื่อถืออยู่ในมือ
• ตอบสนองดีและแม่นยำ

เหตุผลเหตุผลที่ควรคิดก่อนซื้อ

• การปรับแต่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
• ต้องใช้ถ่านในการใช้งาน

เว็บที่วางจำหน่าย : scufgaming

---

Sony DualSense Wireless Controller

^{น้ำหนัก : 280 กรัม การเชื่อมต่อ : Bluetooth, USB Type-C แบบมีสาย แบตเตอรี่ : ชาร์จแบตได้ในตัว (ใช้งานต่อเนื่อง 6-12 ชั่วโมง)}

ถ้าให้พูดถึงจอยเกมที่ระบบสั่นและปุ่มทริกเกอร์ดีที่สุดตอนนี้ PlayStation 5 DualSense คืออันดับหนึ่งแบบไร้ข้อกังขา ด้วยมอเตอร์สั่นหลายชุดภายในตัวเครื่อง รวมถึง adaptive trigger ที่ให้แรงต้านตามสถานการณ์ในเกม เช่น ตอนยิงธนู คุณจะรู้สึกเหมือนกำลังดึงคันธนูจริงๆ เลย และระบบสั่นก็ทำได้ละเอียดมากจนให้ฟีลสัมผัสที่สมจริงแบบที่จอยไหนก็ยังเทียบไม่ได้

แต่อย่างที่รู้กัน จุดอ่อนของจอยนี้คือฟีเจอร์เทพๆ เหล่านี้ต้องพึ่งเกมที่รองรับเท่านั้น และในตอนนี้ก็ยังมีไม่มากนัก แม้จะต่อกับ PC ได้ง่ายผ่าน Steam ที่รองรับแบบเต็มระบบ แต่ถ้าเล่นเกมนอก Steam ก็จะใช้งานยากขึ้นนิดนึง แถมฟอร์มของจอยก็อาจจับไม่ถนัดเท่าจอย Xbox สำหรับบางคน หรืออยากได้จอยที่มีระบบ gyro aim แบบ Nintendo Switch ทำให้ DualSense ตอบโจทย์เลย

เรื่องไดรเวอร์อาจดูน่ากังวล เพราะ DualSense ไม่มีไดรเวอร์ PC อย่างเป็นทางการ แต่ใช้งานจริงก็ไม่ได้ยุ่งยาก เพราะ Steam ช่วยจัดการได้หมด ต่อผ่าน USB หรือ Bluetooth ก็ได้ เพียงแต่จอยนี้ใช้ระบบ DirectInput ซึ่งบางเกมที่รองรับ XInput อย่างเดียวอาจมองไม่เห็นจอย ต้องเข้าไปเปิด “PlayStation Configuration Support” ใน Steam ก็พร้อมใช้งานกับเกมส่วนใหญ่แล้ว แถมเดี๋ยวนี้ยังอัปเดตเฟิร์มแวร์ผ่าน PC ได้โดยไม่ต้องมีเครื่อง PS5 อีกต่อไป แค่โหลดเครื่องมือจากเว็บ PlayStation แล้วเสียบจอยก็เรียบร้อย

ถ้าทั้งหมดนี้ยังรู้สึกวุ่นวายเกินไป ก็อาจมองไปที่ Xbox Wireless หรือ Elite Series 2 ที่ต่อแล้วใช้ได้ทันทีแบบไม่ต้องคิดมาก แต่ถ้าอยากได้จอยที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับการเล่นเกมจริง ๆ PS5 DualSense คือของที่ต้องลอง และถ้าคุณไม่ชอบแท่งอนาล็อกแบบเยื้องข้างของ Xbox ก็หันมาหา Sony ได้

เหตุผลที่ควรซื้อ

• อนาล็อกมีความแม่นยำ
• ระบบสั่นแบบสัมผัส

เหตุผลเหตุผลที่ควรคิดก่อนซื้อ

• รองรับฟีเจอร์จำกัด
• อายุการใช้งานของแบตต่ำ

เว็บที่วางจำหน่าย : BaNaNa

---

Razer Wolverine V3 Pro

^{น้ำหนัก : 304 กรัม การเชื่อมต่อ : Razer HyperSpeed, Xbox Wireless, Bluetooth, USB แบตเตอรี่ : ชาร์จแบตได้ในตัว (ใช้งานต่อเนื่อง 20 ชั่วโมง)}

รุ่นก่อนอย่าง Wolverine V2 Pro ของ Razer ถึงจะใช้ได้ดี แต่ก็มีจุดอ่อนเพียบ ทั้งราคาสูงเวอร์ ปุ่มกดไม่ค่อยถนัด และไม่มีของใหม่ๆ อย่างระบบสั่นหรือเซนเซอร์ Hall Effect ให้สมกับราคาหลักพันปลายๆ แต่พอมาเป็น Wolverine V3 Pro บอกเลยว่า Razer ฟังเสียงคนใช้งานแล้วจัดให้แบบเต็มที่

เริ่มจากการอัปเกรดที่ชัดเจนที่สุดเลยคือ แท่งอนาล็อกแบบ Hall Effect ที่ช่วยตัดปัญหา stick drift ไปเลย แถมยังใส่ Pro HyperTriggers ซึ่งเป็นทริกเกอร์แบบ Hall Effect ที่เลือกได้ว่าจะให้เด้งไวหรือยาว เหมาะกับทั้งเกมชู้ตติ้งเร็วหรือเกมที่ต้องการความละเอียด นอกจากนี้ยังมีปุ่มไหล่เสริมที่กดแล้วให้ฟีลเหมือนคลิกเมาส์ ใครชอบปุ่มแน่นๆ น่าจะถูกใจมาก แต่ใครอยากเล่นเงียบๆ ตอนกลางคืน อาจจะต้องทำใจกับเสียงคลิกหน่อย

ถึงจะปรับหลายจุดให้ดีขึ้น แต่ Razer ก็มีตัดบางอย่างทิ้งไปเช่นกัน เช่น ตัดไฟ RGB Chroma ที่เคยเป็นจุดขายของรุ่นก่อน และตัดการรองรับ PS5 ออก เปลี่ยนไปโฟกัสฝั่ง Xbox แทน (ใช้งานกับ PC ได้ปกติ) ด้านระบบสั่นถึงจะยังไม่เทพเท่า DualSense ของ Sony แต่ก็ถือว่าทำได้ดี มีแรงสั่นหลายระดับให้เลือก ส่วนการเชื่อมต่อรองรับทั้งสายและไร้สาย โดยมี HyperSpeed dongle ที่ให้ค่าการตอบสนองระดับ 1,000 Hz (แต่ถ้าต่อกับ Xbox จะลดเหลือ 250 Hz ตามปกติ) น่าเสียดายที่ตัด Bluetooth ออก แต่ก็มีสาย USB ยาวๆ กับกล่องพกพาแถมมาให้แทน

เหตุผลที่ควรซื้อ

• ออกแบบมาใช้งานสบาย
• ขนาดกำลังดี
• แข็งแรง

เหตุผลเหตุผลที่ควรคิดก่อนซื้อ

• แพง
• ไม่มีบลูทูธ

เว็บที่วางจำหน่าย : JIB, BaNaNa