มาแนะนำกันอีกแล้วหลังจากที่ก่อนหน้านี้ทาง GameMonday ของเราได้นำเสนอบทความแนะนำให้รู้จักงูน้อย Deathadder V2 MINI ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเรายังมีรุ่นพี่อย่าง RAZER Deathadder V2 เมาส์ขั้นเทพสำหรับเกมเมอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งซีรี่ส์ระดับตำนานที่น่าสนใจมากๆ สำหรับใครที่กำลังมองหาเมาส์ดีสักตัวราคาไม่แรงเพื่อเป็นอาวุธติดตัวไว้สักหนึ่งชิ้น
ภาพรวมของเจ้างูใหญ่ RAZER Deathadder V2 ที่กลับมาอีกครั้งในปี 2020 หลังจากที่เมาส์ซีรี่ส์นี้สร้างชื่อเสียงให้กับค่ายนี้ไม่น้อย สำหรับรุ่นใหม่นี้เหมาะมากสำหรับเกมเมอร์ที่มีขนาดมือระดับกลางไปถึงใหญ่ น้ำหนัก 82 กรัม เป็นการเชื่อมต่อแบบสาย สามารถปรับ DPI ได้สูงสุดถึง 20,000 แบ่งออกเป็น 5 ระดับสามารถตั้งค่าผ่านโปรแกรมได้ นอกจากนั้นสวิทช์เป็นแบบออปติคอลที่ผู้สร้างการันตีเลยว่าไม่เบิ้ลแน่นอน Polling Rate 1,000 Hz มีไฟ RPG ตรง Logo และ สกอเมาส์
เรามาพูดถึงดีไซต์ RAZER Deathadder V2 กันก่อนเลยสำหรับงูใหญ่ตัวนี้จะมาในลักษณะเด่นของซีรี่ส์ Deathadder ที่เคยสร้างชื่อเสียงมาแล้วในอดีต ซึ่งจะมีบางส่วนที่มีการปรับเปลี่ยนไปจากรุ่นก่อน โดยเฉพาะเรื่องรายละเอียดของการวางมือให้มันมีสัดส่วนที่เหมาะสมกับลักษณะการจับได้หลากหลายแบบ ยิ่งเป็นเกมเมอร์ที่ชอบจับแบบเต็มมือบอกเลยว่ายิ่งเหมาะ ตัวสายเป็นในรูปแบบสายถักที่มีความทนทานไม่ขาดง่ายๆ ดูภาพรวมของเมาส์จะดูเรียบๆ ดุดัน
ถ้าเรามาดูเรื่องของสเปคเมาส์ RAZER Deathadder V2 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเป็นการยกระดับของซีรี่ส์นี้อย่างชัดเจนในเรื่อง DPI หรือ ฟังก์ชั่นต่างๆ อันนี้ขอไม่พูดถึงแล้วกันเพราะมันเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่กว่ายังไงแล้วก็ต้องดีกว่าด้วยเซนเซอร์ Focus+ ที่มีความละเอียดมากกว่า แต่จุดที่เปลี่ยนแปลงชัดเจนก็คือสวิตช์ภายในที่เปลี่ยนไปมาใช้เป็นของ Razer Original เองที่มีคุณภาพดีกว่าของเดิม สามารถกดได้ถึง 70 ล้านครั้ง สายก็เปลี่ยนมาเป็นสายถักเพิ่มควาทนทาน แถม น้ำหนักเบาลงอีกทำให้ใช้แรงในการควบคุมน้อยลง
ความรู้สึกหลังการใช้งาน
หลังจากที่ทดลองใช้มา 1 สัปดาห์รู้สึกชื่นชอบในตัวเมาส์รุ่น RAZER Deathadder V2 ในระดับหนึ่งเลย เพราะอาจจะเนื่องด้วยเป็นคนที่มือใหญ่ และเวลาใช้งานเมาส์จะชอบจับแบบเต็มมือ และการออกแบบดีไซต์ของเมาส์ตัวนี้ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม และปุ่มซ้ายขวาของเมามีความแน่นหนามีความทนทาน ซึ่งทาง Razer บอกไว้ว่าตัวเมาส์จะไม่เบิ้ลแน่นอน ซึ่งต้องรอดูกันต่อไป แต่ถ้าดูจากที่ใช้มาก็คงเบิ้ลยากเพราะวัสดุ และ อุปกรณ์ต่างๆ เขาทำออกมาได้อย่างดี หยิบมาเขย่าไม่มีเสียงออกมาจากเมาส์แม้แต่นิดเดียว แปลว่าทุกชิ้นส่วนเชื่อมต่อไว้อย่างเหมาะสม
แล้วสำหรับเกมเมอร์ที่อยากปรับแต่งตัวลูกเล่นต่างๆ หรือปุ่มมาโครก็สามารถใช้ Synapse ได้เลยไม่ยุ่งยาก ภาพรวมเป็นเมาส์เริ่มต้นสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยใช้ Gaming Gear มาก่อนราคาไม่แพง แต่มีส่วนหนึ่งที่ยังคาดหวังไว้เล็กๆ ถ้าในอนาคตทาง Razer ได้นำซีรี่ส์นี้ไปพัฒนาต่อ เป็นรูปแบบไร้สาย Wireless ก็คงน่าสนใจมากเลยทีเดียว
