ก่อนหน้านี้ทาง GameMonday ของเราได้มีการรีวิวหูฟังรุ่นรองตัวใหม่ล่าสุด Razer BlackShark V2X ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วรอบนี้มาถึงพี่ใหญ่รุ่น Top อย่าง Razer BlackShark V2 บ้าง ซึ่งรายละเอียดหลายๆ ส่วนก็ใกล้เคียงกันแต่จะมีกิมมิคเฉพาะบางส่วนที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นเราจะพาไปชมส่วนที่แตกต่างระหว่างรุ่นธรรมดากับรุ่นท็อปว่าส่วนไหนที่แตกต่างกันบ้างกับราคาที่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งพัน
รูปโฉม Razer BlackShark V2 ก็มีลักษณะรูปทรงใกล้เคียงกันหลายส่วนๆ เรื่องชของการดีไซต์การออกแบบ แต่ก็มีบางส่วนที่แตกต่างกันพอสมควร ซึ่งไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือป่าว คิดว่าตัวเวอร์ชั่น X ตรงกระบอกสวมหูจะใหญ่กว่าเล็กน้อย แล้วก็ในส่วนของตรา LOGO Razer จะมีสีเขียวให้เด่นชัดขึ้น สายเปลี่ยนจากยางพลาสติก มาเป็นสายถักที่มีความทนทานสูงกว่ายืดหยุ่นได้ดี
แต่ส่วนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนที่สุดก็คือเรื่องของวัสดุตรง Headband และที่ครอบหู ในรุ่น Razer BlackShark V2 จะมาเป็นผ้าซึ่งเย็บตามลอยอย่างดีแน่นหนา คุณสมบัติของการที่มาใช้วัสดุมาเป็นผ้าแบบนี้จะช่วยความทนทานแล้วหนึ่ง อย่างที่สองคือตัดปัญหาเรื่องการเสื่อมสภาพที่หูฟังรุ่นก่อนๆ ของทาง Razer จะมีปัญหาเศษหนังเทียมหลุดออกมา ซึ่งเกมเมอร์ไม่ค่อยถูกใจ เลยมีการออกแบบดีไซต์ใช้วัสดุเป็นผ้าแต่ยังมีความคงทนเพื่อแก้ไขปัญหานั้นไปแล้วก็ได้ผลดีด้วย
ต่อมาก็คือในส่วนของไมโครโฟนจะสามารถถอดเข้าถอดออกได้ สำหรับบางคนที่มีไมโคโฟนแบบตั้งโต๊ะอยู่แล้ว และไม่ชอบให้หูฟังมีไมโครโฟนมาเกะกะก็สามารถอดออกนำไปเก็บได้ แต่ทาง Razer BlackShark V2X จะสามารถถอดออกได้นั่นเอง
ต่อมาน่าเป็นสิ่งที่ทำให้ Razer BlackShark V2 ดูมีราคาและน่าซื้อกว่าทาง Razer BlackShark V2X ถ้าหากมีทุนที่สามารถพอใจซื้อไหว ก็คือเรื่องของ Sound Card USB ที่รุ่นท็อปจะมีแถมมาให้เพื่อช่วยในการเพิ่มคุณภาพของเสียงให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งบอกเลยว่าเห็นผลจริงๆ เสียงมีความละเอียดใสชัดเจนมากกว่าเดิมที่ไม่ใช้ Sound Card ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของรุ่นนี้เลย
ส่วนในเเรื่องคุณสมบัติและเทคโนโลยีที่ใส่เข้าไปทั้งสองรุ่นไม่ว่าจะเป็น Razer BlackShark V2X และ Razer BlackShark V2 จะคล้ายกันไม่ว่าจะเป็น HyperClear Cardioid Mic ที่มอบเสียงคุณภาพดีไม่ว่าจะเป็นต่ำ กลาง สูง สามารถจับเสียงได้แม่น รวมไปถึง Advanced Passive Noise Cancellation ที่จะตัดเสียงรบกวนภายนอก ดังนั้นแล้วหลักๆ ที่สองรุ่นนี้ต่างกันก็คือเรื่องอุปกรณ์เสริมและวัสดุมากกว่า
ความรู้สึกหลังใช้งาน
องค์ประกอบรวมๆ ก็ต้องยอมรับว่า Razer BlackShark V2 ค่อนข้างตอบโจทย์มากกว่าในเรื่องความคงทนและมี Sound Card มาให้มันช่วยยกระดับของเสียงให้ดีขึ้น ดังนั้นเราจะเห็นว่า Pro Player สาย FPS หลายๆ คนจะใช้ Sound Card เป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการได้ยิน ประกอบกับวัสดุที่ทำออกมาได้ทนทานกว่า เพราะการที่ใช้ผ้าแบบนี้มันช่วยการันตีได้เลยว่าจะไม่มีเศษดำๆ หลุดออกมาแน่นอน ดังนั้นขอแนะนำว่าถ้าหากเรามีเงินพอที่จะซื้อรุ่นท็อปก็ขอแนะนำรุ่นนี้ดีกว่า แต่ถ้าหากเพื่อนไม่ซีเรียสในเรื่องของตัว Sound Card และวัสดุที่เป็นผ้า ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ ก็ใกล้เคียงกันดังนั้นสามารถไปรับชมรีวิว Razer BlackShark V2X ได้ที่ [คลิกที่นี่]
