มันคืออนาคต Square Enix นำทัพค่ายเกมญี่ปุ่นบุกโลก NFT และ Metaverse

ความสั่นสะเทือนรุนแรงระดับ 10 ริกเตอร์หลัง Yosuke Matsuda ประธานของ Square Enix ออกมาประกาศบุกตลาดเกมสาย NFT, Metaverse และ Blockchain อย่างเต็มตัวเมื่อช่วงปีใหม่นำมาซึ่งอาฟเตอร์ช็อกหลายระลอกที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะสิ้นสุดลงง่ายๆ จนถึงเวลานี้ แฟนเกมสายฮาร์ดคอร์อาจไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรมากมายกับเรื่องที่ว่าหากเกาะติดวงการเกมมาอย่างต่อเนื่อง แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่าเบื้องหลังที่แท้จริงของการเปิดแนวรบใหม่ครั้งนี้คืออะไรกันแน่

แม้แถลงการณ์ต้อนรับปี 2022 ของ Matsuda อาจปลุกวงการเกมญี่ปุ่นให้คึกคึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่อันที่จริงแล้วนี่้ไม่ใช่เรื่องใหม่ของ Square Enix เลยด้วยซ้ำ เพราะอันที่จริงค่ายยักษ์จากแดนซามูไรกระโจนเข้าสู่โลก NFT ไปแล้วตั้งแต่ 17 มีนาคม 2021 ด้วยการเปิดตัวสติ๊กเกอร์ NFT ของแฟรนไชส์เกมการ์ดต่อสู้ RPG บนมือถืออย่าง Million Arthur ออกวางจำหน่าย ทั้งที่ตัวเกมตายสนิทไปแล้วหลังการปิดเซิร์ฟถาวรเมื่อเดือนกันยายนปี 2020 และถูกติงจากแฟนต่างชาติว่าทำไมต้องเอาเกมเก่ามาใส่ตะกร้าล้างน้้ำขายใหม่ แต่กลายเป็นว่าแฟนเกมในญี่ปุ่นกลับให้การต้อนรับอย่างล้นหลามด้วยการกวาดซื้อสติ๊กเกอร์ NFT จาก Million Arthur ไปซะเกลี้ยงจน Square Enix ต้องออกตัวใหม่มาเอาใจเพิ่มเมื่อ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ยิ่งถ้าได้ฟังที่โปรดิวเซอร์หลายๆ คนของ Square Enix ออกมาอวยเกี่ยวกับ NFT และ Metaverse ในช่วงปีใหม่ก็ยิ่งแน่ใจได้เลยว่างานนี้พี่เหลี่ยมไม่ได้มาเล่นๆ เริ่มจาก Yoshinori Kitase โปรดิวเซอร์ Final Fantasy ที่บอกว่ากำลังตั้งตารอให้เทคโนโลยี NFT และ Metaverse มาเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมเกมมิ่ง ส่วน Yosuke Saito โปรดิวเซอร์ของ NieR ที่เกาะติดเรื่อง NFT มาอย่างต่อเนื่องและยืนยันว่าโปรเจ็กต์เกมใหม่ในมือที่ยังไม่เคยเปิดตัวที่ไหนมาก่อนจะถูกทำออกมาในรูปแบบเกม NFT อย่างแน่นอน ขณะที่ Noriyoshi Fujimoto โปรดิวเซอร์เกม Dragon Quest ให้ความเห็นว่าแม้ยังมีความติดขัดในเรื่องข้อกฏหมายซึ่งอาจต้องใช้เวลาทั้งปีนี้เพื่อแก้ไข แต่สุดท้ายจะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตามมาใน 3-4 ปีจากนี้

โอกาสใหม่ๆ ที่จะมีมาจากโลก NFT, Metaverse และ Blockchain ไม่ได้มีแค่ Square Enix เท่านั้นที่มองเห็นบรรดาหัวเรือใหญ่จากค่ายเกมแถวหน้าของญี่ปุ่นอีกหลายคนก็มองขาดถึงสิ่งที่จะมาเปลี่ยนอนาคตของวงการเกมด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Hiroyuki Sakamoto จาก Sega, Jun Tamaoki จาก Bandai Namco หรือ Kenji Saito จาก PlatinumGames ส่วนบรรดาบิ๊กๆ จาก âge และ Anchor Inc. ผู้อยู่เบื้องหลังแฟรนไชส์มัลติมีเดียสุดนิชอย่าง Muv-Luv นั้นไม่รอช้าเปิดหน้าเข้าสู่โลก NFT ไปก่อนแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะที่ Com2Verse โลกเมต้าเวิร์สจาก Com2uS ก็เพิ่งถูกเผยโฉมไปเมื่อเร็วๆ นี้

หากย้อนกลับไปในยุค PS360 ที่เกมแบบ open-world ถูกค่ายดังฝั่งตะวันตกยกให้เป็นอนาคตใหม่ และทำให้บรรดาค่ายเกมแดนปลาดิบลุกขึ้นมาพัฒนาเกมแนวโลกเปิดกันเป็นแถว ดังนั้น การที่ Square Enix เป็นหัวหอกนำกองทัพผู้พัฒนาเกมฝั่งญี่ปุ่นกระโจนใส่เทคโยโลยี NFT, Metaverse และ Blockchain แทบจะในทันทีทันใดก็แทบจะเป็นหนังม้วนเดิมที่ไม่ได้มีเบื้องลึกเบื้องหลังซับซ้อนมากไปกว่าความสั่นสะเทือนจากการพยายามคว้าอนาคตที่ทำนายล่วงหน้าไว้โดยโลกตะวันตกนั่นเอง

อ่านข่าว Square Enix คลิกที่นี่