เลือดจะไหลหมดตัวมั้ยไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ วารสารการลงทุนฉบับแรกของ Activision ในปี 2022 รายงานว่าค่ายเกมยักษ์ใหญ่จากอเมริกากำลังโดนผู้เล่นทั่วโลกพร้อมใจกันเททิ้งแฟรนไชส์เกม Call of Duty ครั้งมโหฬาร ในเวลานี้อดีตไอพีเกมยิง FPS ระดับโลกที่เคยสร้างสถิติมียอดผู้เล่นสูงถึง 150 ล้านรายในรอบหนึ่งเดือนเมื่อปี 2021 กำลังประสบปัญหาสูญเสียผู้เล่นซึ่งตามรายงานบอกว่าหายไปถึง 50 ล้านคนในเวลาเพียงปีเดียวเท่านั้่น แต่ยังดีที่ได้ Call of Duty: Warzone ภาคแบทเทิ่ลรอยัลมารั้งไม่ให้จำนวนผู้เล่นหดหายไปมากกว่านี้
ในเวลานี้ Call of Duty เหลือแฟนคลับอยู่ประมาณ 100 ล้านรายซึ่งก็ถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยเสียเมื่อไหร่ แต่ยอด 50 ล้านยูสเซอร์ที่หายวับไปในครั้งนี้ถือเป็นสถิติอันเลวร้ายสุดๆ เท่าที่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่ภาค Warzone เริ่มให้บริการในปี 2020 ล่าสุด Activision โบ้ยว่ามีสาเหตุมาจากยอดขายอันน่าผิดหวังของ Call of Duty: Vanguard และเสน่ห์ดึงดูดใจผู้เล่นที่มีระดับต่ำมากๆ ในภาค Warzone อันที่จริง Activision เคยพูดึงยอดขายที่ต่ำอย่างผิดปกติของ Vanguard มาแล้ว แต่ถ้าจะหาตัวคนผิดจริงๆ Warzone ก็ควรเป็นภาคที่ควรโดนตำหนิมากกว่าเพื่อน หากมองว่าน่าจะเป็นภาคที่มีฐานแฟนคลับเยอะกว่าภาคไหนจากการเปิดเล่นฟรี
จริงๆ แล้ว ความตกต่ำของ Warzone ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายในแง่จำนวนเฉลี่ยของผู้เล่น และตัวเลขเกมเมอร์ที่หายไปถึง 50 ล้านยูสเซอร์ก็สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงปีแห่งความน่าผิดหวังในเรื่องของการอัปเดตตัวเกม ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนท์รายซีซั่นสุดน่าเบื่อ ปัญหาเรื่องบาลานซ์เกม รวมถึงแผนที่ใหม่ซึ่งมาพร้อมบั๊กจำนวนมากและไม่ได้รับการแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ
อนาคตต่อจากนี้ Activision อาจต้องฝากความหวังไว้กับ Infinity Ward ทีมสร้างเกม Call of Duty ขวัญใจแฟนๆ เมื่อสตูดิโอซึ่งเคยฝากผลงานภาคต่ออันลือลั่นเอาไว้กับ Modern Warfare เมื่อปี 2019 กำลังจะทำคลอดไอพีภาคต่อของ Warzone ออกมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้งด้วยสุดยอดเอ็นจิ้นที่เตรียมไว้พัฒนา Modern Warfare ภาคใหม่ เป็นไอพีแห่งความหวังซึ่ง Activision ตัดสินใจเรียกชื่อมันว่า Warzone 2 และสาวก COD ต้องเกาะติดกันไว้ให้ดี เพราะจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในปีนี้ก่อนที่จะเดินหน้าเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2023
