ปัญหาการใช้โปรแกรมช่วยเล่นในเกม PUBG อาจดูเล็กลงไปเมื่อเทียบกับเกม Counter-Strike: Global Offensive เกมแนว FPS ที่ครองใจผู้เล่นมากที่สุดบนแพลตฟอร์ม Steam นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกปี 2014 ตลอดระยะเวลาที่เปิดให้บริการทำให้เกม CSGO ตกเป็นเป้าหมายของเหล่าแฮกเกอร์กับการใช้โปรโกงในรูปแบบต่างๆ จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังยากที่จะแก้ไขให้หมดไป ระบบป้องกันโกงแบบเดิมๆ อาจจะไม่ได้ผล Valve จึงให้กำเนิด VACnet ระบบป้องกันโปรแกรมช่วยเล่นระดับปัญญาประดิษฐ์
VACnet แตกต่างจาก VAC เป็นเทคโนโลยีด้านไคลเอ็นต์และเซิร์ฟเวอร์ภายใต้ชายคาของ Valve ที่สามารถเรียนรู้ วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้เล่นภายในเกม เพื่อตรวจจับผู้กระทำความผิดได้ทันที โดยเบื้องต้นจะโฟกัสผู้ใช้โปรแกรมช่วยเล่นประเภท Aim-bot (โปรล็อคเป้า) การวิเคราะห์ข้อมูลแบบเชิงลึกของผู้เล่นทั้งการเคลื่อนไหวตามแกน X และ Y การเล็งก่อนยิง 0.5 วินาที หรือผลกระทำจากความเสียหายบนร่างกายของตัวละครในตำแหน่งสำคัญ ความเป็นไปได้โอกาสเข้าเป้าหรือพลาดเป้า
เดิมทีการจับผู้ใช้โปรโกงในเกม CS:GO จะอาศัยความร่วมของผู้เล่นภายในเกมช่วยกันรายงานผู้เล่นที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าใช้โปรแกรมช่วยเล่น แต่วิธีนี้มีอัตราการจับได้เพียง 15-30% เท่านั้น แน่นอนมีคนหลุดรอดไปได้เยอะ แต่ความสามารถของระบบ VACnet จะมีความแม่นยำมากขึ้น จากการทดสอบอัตราการแบนผู้ใช้โปรโกงได้ราว 80-95% โดยเฉพาะในช่วงที่เหล่าแฮกเกอร์ยังไม่ทันรู้ตัวสามารถจับผู้กระทำความผิดได้ถึง 100% เลยทีเดียว แต่ประสิทธิภาพการทำงานจะดีจริงอย่างที่โม้ไว้หรือไม่คงต้องติดตามกัน
