กลายเป็นข่าวที่แฟนเกมสยองต้องรีบอัปเดตกันยกใหญ่ หลัง Motoi Okamoto โปรดิวเซอร์คนสำคัญของซีรีส์ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ความสำเร็จของ Silent Hill f ที่นำเสนอในธีมญี่ปุ่นยุค 1960 ไม่ได้แค่เปลี่ยนบรรยากาศเฉยๆ แต่กลายเป็นจุดเปลี่ยนความคิดของ Konami ไปเลย เพราะมันพิสูจน์แล้วว่าความหลอนของ Silent Hill ไม่จำเป็นต้องผูกติดกับเมืองเล็กๆ ในอเมริกาอีกต่อไป และสามารถขยายไปสู่เวทีระดับโลกได้สบายๆ

ที่น่าสนใจคือทีมพัฒนาเริ่มเล็งเห็นไอเดียหยิบ “ความเชื่อท้องถิ่น” และแนว Shamanism จากหลายประเทศมาใช้เป็นแกนหลักของภาคต่อๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย อิตาลี หรือแม้แต่เกาหลีใต้ เพราะแต่ละที่มีระบบความเชื่อและตำนานผีที่หลอนกันคนละแบบ ซึ่ง Silent Hill f ก็โชว์ให้เห็นแล้วว่าการเอาวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นมาผสมกับความสยองเชิงจิตวิทยามันเวิร์กจริง และแฟนๆ ทั่วโลกก็ตอบรับดีเกินคาด

นอกจากนี้ Okamoto ยังย้ำชัดว่า Silent Hill ในอนาคตจะไม่ทำซ้ำสูตรเดิม แต่ละภาคจะมี “รสชาติ” ของตัวเอง ทั้งในแง่สถานที่ เกมเพลย์ หรือการเล่าเรื่อง อาจได้เห็นระบบต่อสู้ที่ดีขึ้น หรือโครงเรื่องที่ซับซ้อนกว่าเดิม แต่สิ่งหนึ่งที่ยังยึดไว้แน่นคือความหลอนกดดันจิตใจแบบฉบับ Silent Hill ใครที่เล่นจบ Silent Hill f แล้วกำลังรอภาคถัดไป บอกเลยว่าคราวนี้อาจได้หลอนกันแบบทัวร์โลกในเวอร์ชันฝันร้ายของจริง

