หลังหมดยุคเกมเติมเงิน Airtime แลกเวลาแบบรายชั่วโมงหรือรายเดือน นักพัฒนาเกมจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดทั้งเกมส์เก่าและใหม่ต่างพร้อมใจเปลี่ยนมาใช้โมเดลธุรกิจแบบ free to play และสร้างรายได้จากการขายไอเทมพิเศษที่เรียกว่า Microtransaction หรือเติมเงินสุ่มกาชา แม้จะทำรายได้ให้นักพัฒนาอย่างมหาศาล แต่กลับถูกตั้งคำถามจากผู้เล่นอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะประเด็นความไม่สมดุล (pay to win) จนเกิดการต่อต้านอย่างหนัก ยิ่งเป็นเกมเกรด A คนคาดหวังไว้สูงต้องปรับเปลี่ยนแนวทางใหม่ ด้วยเหตุนี้ Battle Pass จึงเกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเหล่าเทพทรูเติมหนักแค่ไหนก็ไม่เก่งขึ้น แต่ได้รับไอเทมพิเศษเป็นสิ่งตอบแทน
Battle Pass คืออะไร
Battle Pass เปรียบเสมือนของสะสมสุดพิเศษที่วางขายเพิ่มเติมภายในเกม ผู้ซื้อจะได้รับสิทธิพิเศษบางอย่างพร้อมเนื้อหาเสริมที่มาในรูปแบบภารกิจปลดล็อคของรางวัลใครเห็นก็อยากได้มาครอบครอง ซึ่งระบบ Battle Pass ของแต่ละเกมจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับการกำหนดเงื่อนไข แต่ยังอิง 2 ปัจจัยสำคัญระหว่างความขยันกับเงินในกระเป๋า หากกำลังทรัพย์มีจำกัดก็ต้องใช้ความพยามและความขยันปลดล็อคเลเวลด้วยตัวเอง แต่ถ้าขี้เกียจไม่อยากเสียเวลาทำได้ง่ายแค่เติมเงินซื้อเลเวลปลดล็อคของรางวัลได้ทันที แน่นอนการปลดล็อคระดับเลเวลสูงยิ่งต้องจ่ายเพิ่มขึ้นหลายเท่า
จุดเริ่มต้นของระบบ Battle Pass
สำหรับในวงการเกมเห็นเด่นชัดสุดคงจะเป็นเกม Dota 2 ที่ใช้ระบบ Battle Pass เป็นเกมแรก แต่แนวคิดของระบบนี้เกิดขึ้นในปี 2013 มีจุดเริ่มต้นมาจากเกม Counter-Strike: Global Offensive ของบริษัท Valve Corporation ได้เปิดตัวแคมเปญ Operation Payback ผู้เล่นที่เข้าร่วมแคมเปญจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ ปลดล็อคสกินพิเศษของอาวุธ เข้าถึงแผนที่ใหม่สร้างโดยนักพัฒนาอิสระ และเหรียญเกียรติยศจัดเก็บสถิติไว้ประดับบารมี โดยรายได้จากการเปิดขายแคมเปญส่วนหนึ่งจะถูกสมทบทุนเป็นค่าตอบแทนให้แก่นักพัฒนาในชุมชนเกมซึ่งมันประสบความสำเร็จเกินคาดกวาดเงินเข้ากระเป๋าได้เป็นกอบเป็นกำ
จากนั้นในปีเดียวกัน Valve ได้เปิดตัว Battle Pass ในเกม Dota 2 โดยการวางขายหนังสือที่เรียกว่า Compendium ราคา $10 ซึ่งรายได้ 25% คิดเป็นเงิน $2.50 จากการขายหนังสือทั้งหมดจะถูกเพิ่มเป็นเงินรางวัลรวมของการแข่งขันรายการ The International ผู้ซื้อจะได้รับข้อเสนอปลดล็อคของรางวัลและโบนัสพิเศษเมื่อผ่านระดับ Goal ได้สำเร็จ นอกจากนี้ Valve ยังได้นำ Battle Pass มาใช้กับเกม Team Fortress 2 เปิดตัวแคมเปญในปี 2015 แต่เมื่อเทียบกับเกม CS:GO และ Dota 2 นั้นทำรายได้ให้มากกว่า
แนวโน้มในอนาคต
ระบบ Battle Pass ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถทำรายได้ให้นักพัฒนาเกมได้มากมายไม่แพ้โมเดลธุรกิจแบบ Microtransaction และ Loot Box เมื่อดูแนวโน้มจากเกมดังในตอนนี้ทั้ง PUBG, Fortnite Battle Royale และ Apex Legends ต่างหันมาใช้ระบบ Battle Pass ด้วยรูปแบบที่คล้ายกันแบ่งขายเป็น Season หรือ ฤดูกาล ซึ่งมันทำเงินได้เรื่อยๆ ในอนาคตนอกจากเกมบนแพลตฟอร์มพีซี ทางฝั่งเกมมือถือที่หวังโกยรายได้ในระยะยาวก็เริ่มใช้ระบบ Battle Pass กันมากขึ้น
